วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร
วัดบวรนิเวศวิหาร หนึ่งในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในรัชกาลที่ ๙ ทรงผนวช ณ วัดบวรฯ แห่งนี้ นอกจากจะเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชแล้ว ด้านสถาปัตยกรรม งดงาม วิจิตรการตา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ประวัติและความเป็นมา
วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร ( วัดบวรนิเวศวิหาร ) สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมากรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ ในรัชกาลที่ ๓ ทรงสร้างขึ้นใหม่ และได้รวมวัดรังศีสุทธาวาสเข้าเป็นวัดเดียวกัน ทรงอาราธนา อนุชาธิราชเจ้าฟ้ามงกุฏ เสด็จมาครอง เมื่อ พ.ศ.๒๓๗๕
ความสำคัญ
วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร นิกายเถรวาท ธรรมยุติกนิกาย เป็นวัดที่ประทับของพระมหากษัตริย์ เมื่อทรงผนวช ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ต่อเนื่องมาจนถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ยังเป็นที่ประทับของอดีตพระสังฆราช และเป็นที่ประดิษฐานพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ศิลปะและสถาปัตยกรรม
วัดบวรนิเวศวิหาร มีศิลปะแบบไทยผสมจีน มีพระพุทธรูปที่สำคัญ พระพุทธชินสีห์ (ใต้ฐานเป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) อัญเชิญมาจาก วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก และพระพุทธสุวรรณเขต (หลวงพ่อโต) ที่อัญเชิญมาจากวัดสระตะพาน จังหวัดเพชรบุรี
พระอุโบสถ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ เป็นพระอุโบสถมีเสาเหลี่ยมพาไลรอบซุ้มประตูหน้าต่าง วิหารประดับด้วยมุขด้าหน้ายื่นออกมา บริเวณรอบเจดีย์มีพระพุทธรูปสำคัญ คือ พระไพรีพินาศ
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง แบบผสมผสานระหว่างยุโรป และไทย ฝีมือของขรัวอินโข่ง สันนิษฐานว่า เขียนขึ้นตั้งแต่สมัยพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฏฯ นอกจากจะมีความงดงามแล้วยังแสดงปริศนาธรรมต่างๆ ทางด้านพุทธศาสนา รวมถึงวันสำคัญและขนบธรรมเนียมประเพณีไทย
พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร หรือ "พระพุทธนาราวันตบพิตร" สร้างขึ้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ทรงผนวช ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๙๙
ศิลปกรรมในเขตสังฆวาส
ตำหนักปั้นหยา เป็นสถานที่ประทับขององค์พระมหากบัตริย์เมื่อครั้งทรงผนวช ตำหนักประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ ตึกก่อด้วยอิฐถือปูนหน้าจั่ว
ตำหนักจันทร์ เป็นที่ประทับของสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระวชิรญาณวโรรส เป็นตำหนักสองชั้นแบบฝรั่ง มีการประดับลวดลายด้วยไม้ฉลุอย่างงดงาม
มหามกุฏราชวิทยาลัย
วัตถุประสงค์เพื่อเป็นสถานศึกษาชั้นสูงของคณะสงฆ์ เป็นการศึกษาที่ไม่เก็บค่าเล่าเรียน มหาเถรสมาคมได้รับรองสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัยเป็นการศึกษาของคณะสงฆ์ เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๑๗ โดยในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก่อตั้งขึ้นเมื่อ วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๓๖ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ได้ทรงประกาศตั้งสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยพุทธศาสนาขึ้นเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๔๘๘
ลำดับเจ้าอาวาส
๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎ หรือ พระวชิรญาณเถระ เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๓๘๐ จนถึง พ.ศ. ๒๓๙๔
๒ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๓๙๔ จนถึง พ.ศ. ๒๔๓๕
๓ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๓๕ จนถึง พ.ศ. ๒๔๖๔
๔ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๖๔ จนถึง พ.ศ. ๒๕๐๑
๕ พระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ) เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๐๑ จนถึง พ.ศ. ๒๕๐๔
๖ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๐๔ จนถึง พ.ศ. ๒๕๕๖
๗ สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ จนถึงปัจจุบัน
สถานที่ตั้ง
สำนักงานวัดบวรนิเวศวิหาร อาคารมนุษยนาควิทยาทาน
๒๔๘ ถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ๑๐๒๐๐
โทร. ๐-๒๖๒๙-๕๘๕๔ โทรสาร ๐-๒๖๒๙-๕๘๕๕