![]() |
เข้าดูแล้ว : 10096867 คน |
ร้านค้าทั้งหมด : 10 ร้าน |
สมาชิกทั้งหมด : 5600 คน |
พระเครื่องทั้งหมด :
248 องค์ |
กระดานประมูล :
144 กระดาน |
ทางลัดไป ศึกษา / วัตถุมงคล |
|
ทางลัดไป กระดานประมูล |
|
ทางลัดไป ซื้อขายพระเครื่อง |
หลวงพ่ออุ้น
ประวัติหลวงพ่ออุ้น
หลวงพ่ออุ้น นามเดิมคืออุ้น อินพรหม เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๙ มีนาคม พ.ศ.๒๔๕๙ เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้องร่วม ๘ คน มีโยมพ่อคือนายบุญ อินพรหม โยมแม่คือนางเล็ก อินพรหม สถานที่เกิดได้แก่ บ้านหนองหินถ่วง ต.มาบปลาเค้า อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี
เมื่ออายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดตาลกง ตรงกับวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๗๙ โดยมีพระอธิการชัน วัดมาบปลาเค้า เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการผิว วัดตาลกง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการขาว วัดอินจำปา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับสมณฉายาว่า สุขกาโม
ครั้นอุปสมบทแล้วได้อยู่จำพรรษาที่วัดตาลกงศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อผิว และศึกษาข้อวัตรปฏิบัติเรื่อยมา โดยการศึกษาพุทธาคมของหลวงพ่ออุ้น เริ่มจากการอยู่ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อผิว วัดตาลกง ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญไสยศาสตร์เวทมนต์คาถาอาคม รุ่นราวคราวเดียวกับหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง ทั้งยังเก่งทางด้านวิปัสสนากรรมฐาน เมตตา อยู่ยงคงกระพัน ซึ่งใกล้ชิดกับ หลวงปู่นาค วัดหัวหิน ทั้งเคยเดินทางไปขอศึกษาวิชาความรู้จากหลวงปู่นาคอยู่เป็นประจำ ซึ่งหลวงพ่ออุ้น ก็เป็นที่โปรดปรานของหลวงพ่อผิวเป็นอย่างมาก จึงได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาให้จนหมดสิ้น
ในพรรษาต่อมา หลวงพ่ออุ้นเดินทางไปกราบนมัสการหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อเล่าเรียนฝึกปฏิบัติสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน พุทธาคม โดยเรียนฝึกวิชากสิณจนชำนาญในกสิณ ๑๐ รวมทั้งตำรับตำราการทำผงเมตตาชั้นสูงจากหลวงพ่อทองศุข หลวงพ่อทองศุข เห็นความมานะพยายามประจวบกับหลวงพ่อผิว อดีตเจ้าอาวาสวัดตาลกง ก็มีความคุ้นเคยกันมาก่อนแล้ว ท่านจึงรับหลวงพ่ออุ้นไว้เป็นศิษย์ถ่ายทอดวิชาให้อย่างเต็มที่ ก่อนที่จะมีการศึกษาเล่าเรียนนั้น หลวงพ่อทองศุข ได้ดูฤกษ์ยามก่อนแล้วนัดกำหนดวันให้หลวงพ่ออุ้นเดินทางไปทำพิธีขึ้นครูหรือการยกครูโดยมีขันธ์ ๕ ดอกไม้ ธูป เทียน บายศรี ทำพิธีขึ้นครู กล่าวได้ว่า หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เป็นศิษย์ผู้สืบสายพุทธาคมจากหลวงพ่อทองศุข รูปหนึ่งอย่างแท้จริงไม่ใช้เป็นเพียงการกล่าวอ้าง ในการเรียนวิชาของหลวงพ่ออุ้นนั้น ต้องเดินทางจากวัดตาลกงไปเรียนที่วัดโตนดหลวงครั้งหนึ่งจะต้องไปพักอยู่วัดโตนดหลวงถึง ๑๕ วัน ไปกลับอย่างนี้อยู่เป็นประจำ และยังออกปริวาสกรรมร่วมกับหลวงพ่อทองศุข ขึ้นเขาไปบำเพ็ญเพียรในป่าช้าก็บ่อยครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งได้กับกับหลวงพ่อจันวัดมฤคทายวันซึงเป็นญาติกับหลวงพ่อทองศุข หลวงพ่อจันรูปนี้เก่งวิชาสะกดชาตรีคือเป็นวิชาสะกดให้สัตว์ร้ายอยู่กับที่ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ทราบว่าท่านได้เรียนมาจากพระธุดงค์ชาวเขมร หลวงพ่อจันได้ถ่ายทอดวิชาสะกดชาตรีให้หลวงพ่ออุ้นเช่นกัน
จากนั้นต่อมาหลวงพ่ออุ้นได้ไปกราบนมัสการพระอธิการชัน วัดมาบปลาเค้า ขอศึกษาเล่าเรียนวิชาไสยศาสตร์ ซึ่งพระอธิการชันท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัด เป็นวิชาอยู่ยงคงกระพัน และเสกลิงลม วิชาขับคุณไสยทำปรอท เล่นแร่แปรธาตุ เรียนวิชาจากหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง เรียนวิชาทำตะกรุด และปลัดตามตำรับหลวงพ่อโคก วัดปากคลองบางครก ครูบาอาจารย์ของหลวงพ่ออุ้นใช่จะมีแต่เพียงพระสงฆ์เท่านั้นแม้แต่เป็นฆราวาสผู้เชี่ยวชาญในสรรพวิชา ท่านก็ยังไปขอเล่าเรียนศึกษาเช่นกัน อย่างเช่นอาจารย์โม ซึ่งเป็นหมอสักชาวเพชรบุรี มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในยุคนั้นท่านได้ไปขอเล่าเรียนวิชาจากอาจารย์โมแม้หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม ซึ่งปัจจุบันท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดรูปหนึ่งของจังหวัดนครปฐม ก็เล่าเรียนวิชาสักยันต์จากอาจารย์โม จากนั้นหลวงพ่ออุ้นท่านก็ไปเรียนวิชาทำสีผึ้งมหาเมตตา วิชาลงเลขยันต์ ลงสมุนไพร ตำราสมุนไพรจากหมอฉ่ำหมอไสยศาสตร์ชาวอำเภอท่ายาง
เมื่อหลวงพ่ออุ้น ได้เรียนวิชาไสยเวทต่างๆมาอย่างช่ำชองแล้ว ก็ได้เคยนำเอาวิชาสักยันต์มาสักลงให้บรรดาศิษย์และชาวบ้าน สักเสือผยองเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ ชาวบ้านที่นิยมก็มาสักกันมากพอสมควรและบุคคลที่สักไปเหล่านั้นเป็นคนดังก็มาก คนดีก็มี ภายหลังท่านมาพินิจพิจารณาถึงวิชาเหล่านี้ว่าไม่สมควรนำมาใช้ให้กับบุคคลต่างๆ เพราะบังเกิดมีทั้งดีและชั่วผิดและถูกไม่มีใครเป็นคนดีได้หมด ซึ่งอาจนำไปสู่แนวทางอกุศลกรรมได้ ครั้นพิจารณาในหลักธรรมอย่างถ่องแท้แล้ว นับตั้งแต่วันนั้นท่านจึงหยุดทำการสักและมุ่งมั่นหันมาช่วยชาวบ้านด้านขับคุณไสย ขับผี ไล่วิญญาณพเนจรแทน ซึ่งท่านได้ยึดถือเรื่องราวเหล่านี้และออกช่วยเหลือชาวบ้านจวบจนเมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ที่หลวงพ่อได้จากไปด้วยอาการสงบ สิริอายุรวม ๙๔ ปี ๗ เดือน ๒๒ วัน พรรษา ๗๔
วัตถุมงคล
หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม ท่านมีความรู้ความสามารถเชี่ยวชาญในไสยเวทพุทธาคม สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน มีญาณสมาบัติแก่กล้า มีวิชาทำวัตถุมงคล ทำผงอิทธิเจ ผงปัทมัง ผงมหาราช ผงหน้าพระภักษ์ ผงพระจันทร์ครึ่งซีก ผงยาเพชรจินดา ทำชินปรอท เล่นแร่แปรธาตุ สักยันต์ หุงสีผึ้ง ลงนะ บรรจุพลังเสือโคร่ง หนุมาน เสกลิงลม ขับคุณไสย ขับวิญญาณผีสิง วิชาเสกปลัดขก ตามตำราหลวงพ่อโศก วัดปากคลอง เรียนรู้และปฏิบัติได้ผลสำเร็จสุดยอดวิชาไสยเวทต่าง ๆ เหมือนพระเกจิอาจารย์โบราณคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในยุคอดีต เป็นเหตุปัจจัยทำให้วัตถุมงคลทั้งหมดของท่านได้มีพุทธคุณศักดิสิทธิ์ เข้มขลังหลายด้าน เช่นอยู่ยงคงกระพัน มหาอุด แคล้วคลาด เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ และค้าขาย
โดยการสร้างวัตถุมงคลขึ้นเป็นครั้งแรกของบรรดาวัตถุมงคลทั้งหมดคือ การสร้างพระผงสมเด็จเหม็น โดยเริ่มต้นการสร้างขึ้นในปีพ.ศ.๒๔๙๕ และสิ้นสุดลงในปลายปีพ.ศ.๒๔๙๗ เวลาการสร้างถึง ๓ ปี โดยหลวงพ่ออุ้นร่วมกับพระสงฆ์ภายในวัดตาลกงช่วยกัน ผงพุทธคุณที่นำมาผสมทำพระสมเด็จเหม็นในครั้งนั้น มีผงอิทธิเจหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ซึ่งเป็นผงเก่าแก่ที่ได้มาทำไว้ในอุโบสถหลังเก่าของวัดตาลกง ตั้งแต่สมัยหลวงพ่อแก้วอยู่ที่วัดปากทะเล ผสมกับผงพุทธคุณของหลวงพ่ออุ้น แล้วนำมาหมักผสมกับข้าวสุกจากปากบาตรและก้นบาตรของพระสงฆ์ที่ได้บิณฑบาตมา การหมักนั้นถ้าครั้งใดหมักทิ้งไว้หลายวันก็จะมีกลิ่นเหม็นมากและถ้าหมักไว้ชั่วข้ามคืนจะมีกลิ่นเหม็นน้อย จึงเป็นเหตุให้พระสมเด็จเหม็นมีกลิ่นเหม็นมากน้อยไม่เท่ากัน พระผงสมเด็จเหม็นสร้างประมาณ ๘๔,๐๐๐ องค์ ส่วนหนึ่งได้บรรจุอยู่ในอุโบสถหลังใหม่ประมาณ ๔๕,๐๐๐ - ๕๐,๐๐๐ องค์ และอยู่บ้างนอก เช่นเพดานศาลา ใต้ฐานพระและที่ท่านเก็บรักษาไว้รวมประมาณ ๓๕,๐๐๐ - ๔๐,๐๐๐ องค์และได้นำออกให้บูชา ถึงปัจจุบันก็มีเหลือไม่มากแล้ว
หลังจากการสร้างพระผงสมเด็จเหม็นแล้ว การสร้างพระผงต่างๆ มีต่อมาอย่างต่อเนื่อง เช่นพระผงสมเด็จ ๗ ชั้น เนื้อเหม็น พระสมเด็จ ๙ ชั้น เนื้อผสมแร่ พระผงสมเด็จขี่เสือเนื้อผง และเนื้อผงผสมแร่พรหมชะแง้ พระสมเด็จ ๗ ชั้น สีแดง พระผง ชุดผงอิทธิเจ เช่นพระขุนแผน ๕ เหลี่ยม พระขุนแผนทรงพลไหล่อุ พระผงยอดขุนพล พระสมเด็จเสื้อกั๊ก พระปิดตาลอยองค์ พระปิดตานะปัดตลอด และต่อมายังมีพระขุนแผนยันต์เดียว เนื้อผงคลุกรัก เนื้อผงผสมเส้นเกศา พระปิดตาลอยองค์ใหญ่และเล็ก และพระผงปิดตานะปัดตลอดยันต์จม เนื้อผงคลุกรัก และเนื้อผงผสมเส้นเกศา
นอกจากนี้ยังมีพระผงเนื้อสังขยา ได้แก่พระผงสมเด็จ ๕ ชั้น อกร่องหูบายสี พระพิมพ์บัวคว่ำบัวหงาย พระผงหน้าฤๅษีหลังราชวัฒน์ และยังมีพระผงพระปิดตาหลังแบบ เนื้อผงสมผงแร่พรหมชะแง้ พระรอดเนื้อผงชานหมาก พระผงสมเด็จใหญ่ขนาดบูชาและพระผงชุดผงเพชรจินดา อีกจำนวน ๕ พิมพ์ ได้แก่พระซุ้มขุนพลใหญ่ พระซุ้มขุนพลเล็ก พระร่วงนั่ง พระพิมพ์เล็บมือ พระงบน้ำอ้อย
ซึ่งหากจะนับรวมกันแล้วจะมีพระผงที่ถูกปลุกเสกโดยหลวงพ่ออุ้นนั้นก็มีอยู่ด้วยกันประมาณ ๒๖ ถึง ๓๐ พิมพ์จากในอดีต และต่อเนื่องจนถึงปี ๒๕๕๐ ก็เกือบประมาณกว่า ๕๐ พิมพ์ ซึ่งในแต่ละรุ่นแต่ละพิมพ์ของท่านก็ต่างได้รับความนิยมจากบรรดานักสะสม และเป็นของขึ้นชื่อเรื่องพุทธคุณที่เป็นที่ยอมรับจากบรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายอย่างทั่วถึงกัน
ติดต่อเรา | บริการจากเรา | สมาชิก | ||||||||||||||||||||||||||
|
|
![]() |
สมัคสมาชิก | |||||||||||||||||||||||||
![]() |
ลืมรหัสผ่าน | |||||||||||||||||||||||||||
![]() |
วิธีชำระเงิน | |||||||||||||||||||||||||||
![]() |
แพ็คเก็จสมาชิก | |||||||||||||||||||||||||||
![]()
|