หลวงพ่อกวย
ประวัติหลวงพ่อกวย
หลวงพ่อกวย เดิมชื่อ กวย ปั้นสน เกิดเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๔๔๘ ณ หมู่บ้าน บ้านแค หมู่ ๙ ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท โยมบิดาและมารดา ชื่อนายตุ้ย และนางต่วน เดชมา ท่านเป็นบุตรคนสุดท้องของบิดามารดา
ในช่วงวัยเยาว์มารดาได้นำมาฝากไว้กับหลวงปู่ขวด ณ วัดบ้านแค เพื่อให้เรียนหนังสือ ครั้นเมื่อครบอายุบวช จึงได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๔๖๗ ณ วัดโบสถ์ ต.โพธิ์งาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท โดยมี พระชัยนาทมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อปา วัดโบสถ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์หริ่ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ชุตินธโร
เมื่ออุปสมบทได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านแค ตอนนั้นหลวงปู่มา เป็นเจ้าอาวาสอยู่ พระกวยหัดเทศน์เวสสันดรชาดก หลังจากนั้นได้ไปเรียนวิชาแพทย์โบราณกับหมอเขียน เพื่อเรียนวิชารักษาโรคระบาด หรือโรคห่าและโรคไข้ทรพิษ จนเมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๒ จึงได้เดินทางไปเรียนวิชาวิปัสสนากัมมัฏฐานและวิทยาคม ตลอดจนวิธีทำเครื่องรางของขลังกับหลวงพ่อศรี วิริยโสภิต แห่งวัดพระปรางค์ จ.สิงห์บุรี
และในปี พ.ศ.๒๔๗๗ ท่านได้มาจำพรรษาที่วัดหนองแขม ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เพื่อเรียนแพทย์แผนโบราณต่อกับโยมป่วน บ้านหนองแขม และเรียนแพทย์แผนโบราณต่อกับหมอใย บ้านบางน้ำพระ ซึ่งในขณะที่พักจำพรรษาที่วัดหนองแขม ได้มีพระภิกษุชื่อ แจ่ม เดินทางท่องเที่ยว ไปพบตำราเป็นสมุดข่อยอยู่ในโพรงไม้ แต่เอามาไม่ได้ เพราะตำรานั้นมีอาถรรพณ์แรงมาก จึงได้มาชักชวนพระกวยให้ไปดู ปรากฏว่ามีตำราอยู่โพรงไม้จริง มีรอยคนเอาพวงมาลัยดอกไม้ ธูปเทียนมาบูชาใต้โคนไม้ หลวงพ่อกวยจึงได้จุดธูปบอกเล่าและอธิษฐานว่า “ถ้าหากว่าท่านจะให้ตำรานี้ให้ข้าพเจ้าเอาไปเก็บรักษาไว้ ข้าพเจ้าจะนำเอาตำรานี้ไปทำประโยชน์แก่วัดและช่วยเหลือประชาชนเท่านั้น” ก่อนอัญเชิญตำรานั้นมาเก็บไว้
ครั้งหนึ่ง ท่านได้ไปจำพรรษาที่วัดบางตาหงาย อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ได้มาเรียนวิชากับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ได้เรียนวิชาทำแหวนแขน ตะกรุด มีดหมอ และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งศิษย์ร่วมรุ่นของหลวงพ่อที่เป็นที่รู้จักกัน คือ หลวงปู่พิมพา วัดหนองตางู อ.บรรพตพิสัย นั่นเอง
ต่อมาเมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หลวงพ่อกลับมาอยู่วัดบ้านแค หลวงพ่อได้สักให้ศิษย์ มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ขนาดสักกันทั้งกลางวันกลางคืน ในช่วงนั้น ข้าวยากหมากแพง โจรร้ายเต็มบ้านเมือง โดยเฉพาะแถบภาคกลางตอนล่าง นครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง สุพรรณบุรี เป็นแหล่งกบดานของโจรเสือร้ายหลายกลุ่ม ชาวบ้านแคได้อาศัยบารมีหลวงพ่อกวย เพื่อคุ้มครองครอบครัวและทรัพย์สินของมีค่าต่างๆ ก็จะเอามาฝากหลวงพ่อที่วัด โดยจากคำบอกเล่าของคนเก่าแก่ที่บ้านแค เล่าว่า พวกโจรเสือไม่มีใครกล้ามาลองดีกับหลวงพ่อกวย มีอยู่รายหนึ่งเป็นเสือมาจากอ่างทอง พาสมุนล้อมวัดบ้านเเคตอนกลางคืน เห็นว่าวัวควายของชาวบ้านที่ลานวัดมีเยอะมาก แต่ก็โดนตะพดหลวงพ่อจนต้องรีบพาสมุนกลับและก็ไม่มาแถวบ้านแคอีกเลย เขาว่าในสมัยนั้น เมื่อโจรเสือเดินผ่านวัดหลวงพ่อ ต้องยิงปืนถวายทุกครั้ง
หลวงพ่อกวย ไม่ชอบการก่อสร้าง ชอบความเป็นอยู่สมถะ แม้กุฏิของหลวงพ่อก็เป็นไม้ทรงไทยโบราณ แต่การก่อสร้างนั้นหลวงพ่อยกหน้าที่ให้กรรมการวัด แม้การก่อสร้างก็ให้กรรมการวัดและชาวบ้านทำ ดังนั้นวัดบ้านแค จึงมีแต่กุฏิเก่าๆนั่นเอง
มรณภาพ
ในปี พ.ศ.๒๕๒๑ หลวงพ่อกวย ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพญาไท หมอได้วินิจฉัยโรคว่าเป็นโรคขาดอาหารมาเป็นเวลา ๓๐ ปี แพทย์ได้ให้สารอาหารประเภทโปรตีนกับหลวงพ่อ เป็นเวลาถึง ๑ เดือน ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย อยู่โรงพยาบาลได้ไม่นาน ท่านก็กลับวัด เมื่อกลับวัดหลวงพ่อก็ยังได้ฉันอาหารเพียงวันละ ๑ ครั้ง เช่นเดิม อีกทั้งยังคงคร่ำเคร่งในการสร้างและปลุกเสกวัตถุมงคล จนหลวงพ่อกวย ต้องมรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๒๒ สิริอายุ ๗๔ ปี พรรษา ๕๔ นับเป็นการสิ้นสุดอีกหนึ่งตำนานเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งยุคสมัย
วัตถุมงคล
ตะกรุดนับว่าเป็นสุดยอดเครื่องรางของหลวงพ่อกวยมาช้านาน การเช่าเพื่อได้ครอบครองราคาก็สูงมาตั้งแต่ในอดีตซึ่งในสมัยนั้นถ้าไปเช่ากับหลวงพ่อจะต้องบูชาดอกละ ๑๐๐ บาท ในขณะที่เหรียญรุ่นแรกๆและสมเด็จพิมพ์ต่างๆของหลวงพ่อยังเช่าบูชาเพียง ๕-๑๐ บาทเท่านั้นเอง แต่ใช่ว่าจะเช่าบูชากันได้ง่ายๆในสมัยก่อนใครที่ตั้งใจจะไปเช่าบูชาต่างก็ต้องผิดหวังกันหลายคนเพราะตะกรุดมีน้อยสร้างพิถีพิถันมากๆ ในแต่ละวันอาจทำได้แค่ดอกเดียว เพราะเริ่มตั้งแต่หาฤกษ์ยาม และการจารตะกรุด การม้วน การถักเชือกแต่ละขั้นตอนนั้น หลวงพ่อจะเน้นมากๆจนถึงการเสกบรรจุพลังจิต ถ้าหากไม่ดีจริง ท่านจะไม่นำมาให้ลูกศิษย์ ศิษย์ใกล้ชิดที่เป็นผู้ช่วยตัดแผ่นโลหะให้กับหลวงพ่อในการทำตะกรุดกล่าวไว้ว่า “ฉันตัดแผ่นโลหะให้หลวงพ่อทีละไม่น้อยแต่พอเช้ามาเห็นหลวงพ่อนำมาทิ้งสะส่วนใหญ่ เห็นจะใช้ได้เสกสำเร็จทีละไม่มาก รึกล่าวได้ว่าบางทีได้คืนละ ๑ ดอกเองเท่านั้นเอง เราจะเห็นได้ว่าหลวงพ่อเน้นทุกขั้นตอนตามตำราในการสร้างตะกรุดจริงๆ” ด้วยเหตุนี้เองจึงสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าตะกรุดของหลวงพ่อกวยนั้นเป็นสุดยอดของสุดยอดอย่างแน่นอน