หลวงพ่อปาน
ประวัติ พระครูวิหารกิจจานุการ (ปาน โสนนฺโท)
หลวงพ่อปานถือกำเนิดที่ย่านวัดบางนมโค เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๔๑๘ เป็นบุตรชายคนเล็กของนายสะอาด และนางอิ่ม สุทธาวงศ์ ครอบครัวมีอาชีพทำนา สาเหตุที่ท่านได้รับการตั้งชื่อว่าปาน เนื่องจากท่านมีปานแดงที่นิ้วก้อยมือซ้าย ตั้งแต่โคนนิ้วถึงปลายนิ้ว นับว่าแปลก ไม่มีใครมีแบบนี้
หลวงพ่อปานอุปสมบทเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๓๘ โดยมีหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ อำเภอบางบาล อยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาโสนันโท ครั้นเมื่ออุปสมบทแล้ว ได้เข้ามาอยู่ที่วัดบางปลาหมอ โดยมีหลวงพ่อสุ่นเป็นอาจารย์สอนกรรมฐานวิปัสสนา พุทธาคมต่างๆ โดยเฉพาะในด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ตลอดจนผู้คนที่ถูกคุณไสย หลวงพ่อสุ่นถ่ายทอดวิชาให้จนหมดสิ้น จากนั้นไปเรียนพระปริยัติธรรมและภาษาบาลีกับอาจารย์จีน วัดเจ้าเจ็ด ๒ ปี และไปเรียนต่อที่วัดสระเกศ ที่กรุงเทพมหานคร อีกจนจบอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ใช้เวลาอยู่กรุงเทพ ๕ ปี ขณะที่อยู่กรุงเทพ ก็ไปเรียนวิชาแพทย์แผนโบราณเพิ่มเติมอีก โดยเรียนที่วัดสังเวช บางลำพู ต่อมาไปเรียนด้านกรรมฐานเพิ่มเติมจากหลวงพ่อเนียม วัดน้อย อำเภอบางปลาม้า ไปศึกษาเพิ่มเติมกับหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน อำเภอสองพี่น้อง สุพรรณบุรี หลังจากนั้นท่านจึงได้มาอยู่ที่วัดบางนมโคและได้รับพระราชทานสัมณศักดิ์เป็น พระครูวิหารกิจจานุการ กิจวัตรของท่านก็คือหลังจากท่านฉันภัตตาหารเพลแล้ว ท่านก็จะมาสงเคราะห์ชาวบ้าน ตลอดทั้งวัน และการทำน้ำมนต์เพื่อรักษาคนไข้ รวมทั้งผู้ที่ถูกกระทำคุณไสยด้วย
หลวงพ่อปาน โสนันโทได้ละสังขารไปเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๑ ตรงกับรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ ๘ รวมสิริอายุได้ ๖๓ ปี บวชพระมาได้ ๔๒ พรรษา เหลือแต่มรดกที่ล้ำค่า เช่น พระเครื่องดินเผา ผ้ายันต์เกราะเพชร ผ้ายันต์ชนิดต่างๆ และพระคาถาปัจเจกโพธิสัตว์ มอบให้แก่ศิษย์สืบไป ลูกศิษย์ของท่าน ที่สืบทอดวัดบางนมโคต่อจากท่านก็คือ หลวงพ่อเล็ก เกสโร เจ้าอาวาสรูปที่ ๔ ของวัดบางนมโคนั่นเอง
พระเครื่องและของขลังของหลวงพ่อปาน
๑. พระหลวงพ่อปาน คือพระผง ๖ พิมพ์
วิชาการสร้างพระเครื่องนั้น ท่านเรียนจากชีปะขาว ที่สร้างพระเครื่อง ๖ พิมพ์ดังได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งชีปะขาวได้มาพบหลวงพ่อในขณะที่เจริญฌานอยู่ในป่าช้าวัดบางนมโค และบอกให้วันละพิมพ์ แต่วิชาการปลุกเสกนั้นหลวงพ่อได้รับการถ่ายทอดวิชาจากอาจารย์แจงฆราวาสที่สวรรคโลก เป็นตำราของพระร่วงเจ้า ซึ่งการสร้างพระครั้งแรกของหลวงพ่อปานทำ เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๐ เพื่อหาทุนมาสร้างเจดีย์ใหม่แทนเจดีย์องค์เดิมซึ่งคือ เจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้ เจดีย์เดิมชำรุดทรุดโทรมพังลงมาแล้ว
๒. ผ้ายันต์ ยันต์เกราะเพชร
การเป่ายันต์เกราะเพชร หลวงพ่อปานได้รับวิชามาจากอาจารย์แจง ฆราวาสชาวสวรรคโลก จากตำราของอาจารย์พระร่วง ผู้ที่จะทำให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ได้ ต้องมีศีลบริสุทธิ์ และมีฌานแก่กล้าจึงจะทำให้ยันต์นั้นเข้าไปสถิตอยู่ในตัวผู้ที่ต้องการได้ ผู้ที่เข้าพิธีแล้วจะได้ทั้งแคล้วคลาด คงกะพันชาตรี คุ้มกันอันตราย
๓. พระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์
พระคาถาปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์ หลวงพ่อปานได้เรียนมาจากครูผึ้งหรือพึ่งบุญ จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อหลวงพ่อไปนครฯ พบกับครูผึ้ง โดยท่านทั้งสองนัดกันทางใน ท่านผึ้งมาตามนัด แต่งกายโก้นุ่งผ้าม่วงสีน้ำเงิน ท่าทางสง่าเดินมาหาหลวงพ่อ ซึ่งเวลานั้นครูผึ้งอายุ ๙๙ ปีแล้ว ครูผึ้งก็ได้พระคาถานี้มาจากพระธุดงค์อีกที จัดได้ว่าเป็นพระคาถาที่ ศักดิ์สิทธิ์อีกบทหนึ่งของยุคนี้เลยทีเดียว