หลวงพ่อคง

ประวัติหลวงพ่อคง

“พระครูอาคมวิสุทธิ์” หรือ "หลวงพ่อคง สุวัณโณ” เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๐ ก.ย. ๒๔๔๕ ในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ หมู่บ้านตาพราย ต.สะตอ อ.เขาสมิง จ.ตราด หลวงพ่อคงเป็นบุตรชายของ นายส้อง และ นางโอง ฑีฆายุ โดยมีพี่น้องร่วมสายเลือด ๑๑ คน ครอบครัวของหลวงพ่อคงประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำไร่ทำนา แต่เนื่องจากในสมัยก่อนพื้นที่ จ.จันทบุรี เป็นอีกแห่งหนึ่งที่มีผู้มีวิชาอาคมอาศัยอยู่ ทำให้หลวงพ่อคงแวดล้อมไปด้วยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเวทย์อาคมมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะ “หลวงปู่วง” ซึ่งเป็นปู่แท้ๆของท่าน เป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้ามาก เชี่ยวชาญด้านคงกระพันชาตรีเป็นพิเศษ

หลวงพ่อคงในวัยเด็ก มีชีวิตเช่นเด็กต่างจังหวัดทั่วไป ได้เข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนวัดชมพูทราย จนจบชั้นประถมปีที่ ๓ เมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๖๒ เมื่อออกจากโรงเรียนมาแล้ว ท่านได้ช่วยทางบ้านทำงานโดยเข้าป่าหาสมุนไพร และของป่าต่างๆ นำมาขายให้คนในละแวกหมู่บ้าน

เมื่ออายุครบ ๒๑ ในปี พ.ศ. ๒๔๖๖ โดยหลวงพ่อคงได้เข้าพิธีอุปสมบทตามประเพณี ต่อมาได้ทำการอุปสมบทครั้งที่ ๒ เมื่ออายุได้ ๓๒ ปี ในวันอังคารที่ ๕ มีนาคม ๒๔๗๗ ที่วัดชมพูทราย อ.เขาสมิง จ.ตราด โดยมีพระอธิการผูก วัดสลัก จ.ตราด เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อคงได้รับฉายาในทางธรรมว่า "สุวัณโณ" แปลว่า "ผู้มีผิวพรรณงามดุจทองคำ"

นับจากนั้นเป็นต้นมาชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์ของหลวงพ่อคง มีแต่การมุ่งมั่นศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ตลอดจนการศึกษาพระเวทย์ต่างๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์หลายท่าน ไม่ว่าจะเป็นครูบาอาจารย์ที่เป็นชาวเขมร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หลวงปู่วง” ซึ่งเป็นปู่แท้ๆ และ “หลวงคีรีเขตต์” ซึ่งเป็นตาแท้ ๆ นอกจากนี้ยังได้แสวงหาครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาต่างๆให้ คือ หลวงพ่อเม วัดมาบไผ่ ต.มาบไผ่ อ.ขลุง จ.จันทบุรี, หลวงพ่ออ่ำ วัดสะตอน้อย, หลวงพ่อหริ่ง ,หลวงพ่ออุก และ หลวงพ่อเจาะ วัดโป่งโรงเซ็น ต.โป่งโรงเซ็น อ.มะขาม จ.จันทบุรี, พ่อครูตาสด พ่อครูเต๋า ซึ่งเป็นครูฆราวาสที่มีความเก่งกาจด้านวิชาอาคม เป็นต้น ทำให้หลวงพ่อคง เป็นพระภิกษุผู้มากไปด้วยสรรพวิชา

โดยวิชาที่ท่านได้ศึกษามานั้น มีอยู่หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคาถาคงกระพันชาตรี วิชาการย่นย่อระยะทาง การเขียนอักขระเลยยันต์ คาถาหัวใจ ๑๐๘ การเขียนผงลบผงอิทธิเจ ปถมัง หรือจะเป็น การปลุกเสกเครื่องรางของขลัง และอีกหนึ่งวิชาที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นอย่างมากคือ วิชาแพทย์แผนโบราณ ตลอดจน วิชาการหาสมุนไพร การหาว่านมงคล ว่านวิเศษต่างๆ เช่น ว่านคงกระพัน หรือการสักยันต์ จึงนับได้ว่าหลวงพ่อคงนั้นท่านมีความแก่กล้าในวิชาอาคมอีกท่านหนึ่ง

ส่วนในด้านการปฏิบัติกรรมฐาน หลวงพ่อคงได้ร่ำเรียนอย่างเคร่งครัดไม่แพ้วิชาอาคม เพราะการปฏิบัติภาวนาสมาธิ เป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้การร่ำเรียนวิชาต่างๆเป็นไปอย่างรวดเร็ว เข้าใจง่าย อีกทั้งยังส่งผลต่อการปลุกเสกวัตถุมงคลที่เข้มขลังอีกด้วย

สำหรับอุปนิสัยของหลวงพ่อคงนั้น ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มักธุดงค์วิเวกไปยังสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะตามเขตติดต่อชายแดน ประเทศพม่า กัมพูชา ทั้งนี้ก็เพื่อฝึกฝนในสรรพวิชาต่างๆที่ตนได้ศึกษามา ในประวัติของท่านได้กล่าวไว้ว่า วิชาที่เป็นเลิศอีกอย่างหนึ่งของหลวงพ่อคง คือ “วิชาเสือสมิง” สังเกตได้ว่า วัตถุมงคลของท่านโดยส่วนใหญ่ มักจะมีรูปเสือสมิงอยู่ด้วยนั่นเอง

ในด้านการทำหน้าที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา หลวงพ่อคงก็ปฏิบัติได้ดีเป็นอย่างยิ่ง จากการรับตำแหน่งเป็นเป็นเจ้าอาวาสวัดวังสรรพรส พัฒนาวัดวังสรรพรส ตลอดจนการบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะต่างๆภายในวัดให้สมบูรณ์ เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

ต่อมา ในปีพ.ศ.๒๕๐๓ หลวงพ่อคง ได้รับแต่งตั้ง ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดวังสรรพรส อ.ขลุง จ.จันทบุรีอย่างเป็นทางการ

มรณภาพ

เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๒ หลวงพ่อคง ได้อาพาธเป็นไข้หวัดใหญ่ และปอดบวม ขณะเดียวกันก็มีโรคแทรกซ้อน สานุศิษย์จึงได้พาหลวงพ่อคงไปรักษาที่โรงพยาบาลตากสิน จ.จันทบุรี เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว ท่านจึงกลับมายังวัดวังสรรพรส จากนั้นในวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๓๒ หลวงพ่อคงก็ถึงแก่มรณภาพ รวมสิริอายุได้ ๘๗ ปี พรรษา ๕๕

มีเรื่องเล่าว่า ก่อนที่หลวงพ่อคงจะมรณภาพ ท่านได้บอกกับศิษย์ไว้ว่า ให้เก็บร่างของท่านเอาไว้ ไม่เช่นนั้นต่อไปภายภาคหน้า จะไม่มีคนเข้าวัด เมื่อท่านมรณภาพแล้ว ทางวัดจึงได้เก็บสรีระสังขารของหลวงพ่อคงไว้ จนถึงปัจจุบัน และร่างของท่านก็ไม่เน่าเปื่อย ยังมีเล็บมือ เล็บเท้า เส้นผม ยาวออกมาเรื่อยๆ เฉกเช่นคนที่ยังไม่เสียชีวิต ปัจจุบันมีสาธุชนจากจำนวนไม่น้อยต่างเดินทางมากราบสักการะสรีระสังขารของหลวงพ่อคงเพื่อความเป็นมงคลของชีวิต

วัตถุมงคล

วัตถุมงคล “หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส” มีอยู่หลากหลายรุ่น โดยในแต่ละรุ่นก็สร้างประสบการณ์ให้กับผู้บูชาเป็นอย่างมาก โดยชื่อเสียงของ หลวงพ่อคง ในด้านวัตถุมงคลเริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเมื่อครั้งที่ใกล้เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ซึ่งในเวลานั้นท่านได้สร้าง วัตถุมงคล ต่างๆออกมาเพื่อแจกจ่ายให้กับสาธุชน เพื่อเป็นที่พึ่งทางจิตใจ ไม่ว่าจะเป็น ตะกรุด ปลัดขิก ผ้ายันต์ เสื้อยันต์ ธง ขณะเดียวกันในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ หลวงพ่อคงท่านได้สร้างเหรียญรูปเหมือนของตัวท่านเองขึ้นมาเพื่อแจกจ่ายให้กับญาติโยมที่ร่วมบุญสร้างพระอุโบสถ โดย เหรียญ รูปเหมือน รุ่นแรก นี้ได้นำเข้าพิธีที่ท้องสนามหลวงอีกด้วย และยังได้รับการปลุกเสกอธิษฐานจิตในพิธีกรรมสำคัญอีกหลายวาระเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นในวันคล้ายวันเกิดของท่าน งานทอดผ้าป่าสามัคคี งานทอดกฐิน

สำหรับ เหรียญ รูปเหมือน หลวงพ่อคง รุ่นแรก ได้สร้างทั้งหมดจำนวน ๑๕,๐๐๐ เหรียญ ผู้ที่ได้รับการแจกจ่ายให้ไปบูชา ล้วนมีประสบการณ์เล่าขานกันมานักต่อนัก โดยเฉพาะด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม ค้าขาย โชคลาภ และวัตถุมงคลอื่นๆของหลวงพ่อคงก็เช่นเดียวกัน มักจะโดดเด่นไปทางด้างคงกระพันชาตรี

ในเวลาต่อมาหลวงพ่อคง ท่านก็ยังคงเมตตาต่อสานุศิษย์อยู่เสมอ โดยการอนุญาตให้สร้าง วัตถุมงคล หลายรุ่น ไม่วาจะเป็น ปลัดขิก ผ้ายันต์ ตะกรุด รูปหล่อ พระเนื้อผง และอื่นๆอีกมาก ซึ่งล้วนแต่สร้างประสบการณ์ทั้งสิ้น โดยเอกลักษณ์ที่สำคัญในวัตถุมงคลของหลวงพ่อคง คือ จะปรากฏรูปเสือสมิง อยู่ด้านหลังเสมอ เนื่องจากหลวงพ่อคง สำเร็จวิชาลงเสือสมิงนั่นเอง และอีกอย่างหนึ่งคือ รูปพระปิดตา ซึ่งกล่าวกันว่า เป็นการเขียนด้วยตัวของท่านเอง

นอกจากนี้ยังมี วัตถุมงคล ของหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรสที่เลื่องลือเป็นอย่างมาก เช่น พระขุนแผนรุ่นแรก สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ที่มีอานุภาพโดดเด่นด้านมหาเสน่ห์ มหาเมตตา และที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้กันในด้านมหาเสน่ห์ คือ เครื่องราง “ปลัดขิกนางครวญ” หรือ “นางแอ่น” ซึ่งได้แกะสลักขึ้นมาจากไม้มงคลหลากหลายชนิด มีขนาดใหญ่ราว ๕ นิ้วขึ้นไป โดยการสร้างปลัดขิกนางครวญนั้น กล่าวได้ว่า ลูกศิษย์ของท่านเป็นผู้แกะสลักขึ้นมาเอง แล้วไปขอความเมตตาจากท่านให้ปลุกเสกอธิษฐานจิตให้ ท่านก็เมตตา ทำให้ปลัดขิกนางครวญมีอานุภาพด้านมหาเสน่ห์อย่างมาก

จึงเรียกได้ว่า ไม่ว่าจะเป็น วัตถุมงคล รุ่นใดของ หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส ที่ท่านได้ทำการปลุกเสกเอง ล้วนมากไปด้วยอานุภาพที่ใครหลายคนก็อยากครอบครอง แต่ในปัจจุบันเป็นที่หายากและราคาก็สูงขึ้นไปตามความนิยม