Username Password
ลงโฆษณา /ติดต่อเรา
English
             
  ติดต่อ-WorldAmulet3D
Live Support

 ติดต่อด่วน 089-789-3777

 LINE ID: @wa3d

 Facebook Inbox: คลิกติดต่อ
สถิติเว็บพระ
เข้าดูแล้ว : 10096856 คน
ร้านค้าทั้งหมด : 10 ร้าน
สมาชิกทั้งหมด : 5600 คน
พระเครื่องทั้งหมด : 248 องค์
กระดานประมูล : 144 กระดาน
รายชื่อวัด
พระสมเด็จจิตรลดา
พระชุดเบญจภาคี
งานพุทธศิลป์ จากศิลปินผู้สร้างงานศิลปะ
พระกรุ
พระเครื่องยอดนิยมกรุงเทพ
พระเครื่องยอดนิยมภาคกลาง
พระเครื่องยอดนิยมภาคเหนือ
พระเครื่องยอดนิยมภาคตะวันออก
พระเครื่องยอดนิยมภาคใต้
พระเครื่องยอดนิยมภาคอีสาน
เหรียญที่ระลึกบุคคลสำคัญ
อุปกรณ์พระเครื่อง
ทางลัดไป ศึกษา / วัตถุมงคล
ทางลัดไป กระดานประมูล
ทางลัดไป ซื้อขายพระเครื่อง
ชื่อวัด : วัดสัตหีบ ชลบุรี
ประวัติพระเกจิ

ประวัติหลวงพ่ออี๋

พระครูวรเวทมุนี หรือ หลวงพ่ออี๋ พุทธสโร ท่านมีนามเดิมว่า “อี๋” เกิดเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๐๘ ปีฉลู ที่บ้านของท่าน ในตำบลสัตหีบ กิ่งอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ท่านเป็นบุตรชายของนางเอียง ทองขำ และนายขำ ทองขำ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๓ ในขณะที่ท่านมีอายุครบ ๒๕ ปี จึงได้ตัดสินใจเข้าอุปสมบทในร่มกาสาวพัสตร์ ที่วัดอ่างศิลานอก โดยมีพระอาจารย์จั่น จนทโส วัดเสม็ด เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทิม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์แดง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงพ่ออี๋ ท่านได้รับฉายาว่า " พุทธสโร " แปลว่า “ผู้ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า”

หลังจากนั้น หลวงพ่ออี๋ ท่านได้ตั้งใจศึกษาหาความรู้ในทางธรรมกับพระอาจารย์แดง พระอาจารย์จั่น พระอาจารย์เหมือน ที่วัดอ่างศิลานอก นอกจากวิชาในทางธรรมแล้ว หลวงพ่ออี๋ยังได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆด้านพุทธาคมจากทั้งสามพระอาจารย์ โดยเฉพาะพระอาจารย์แดงนั้น ท่านมีความเชี่ยวชาญด้านการสักยันต์ การแก้คุณไสยมนต์ดำ ทำให้หลวงพ่ออี๋ได้รับการถ่ายทอดวิชาเหล่านี้ไปด้วย ตลอดจนศาสนพิธี หลวงพ่ออี๋ก็ได้ร่ำเรียนจนหมดสิ้น ซึ่งใช้เวลาในการเรียนวิชาทางธรรมและพุทธาคมที่วัดอ่างศิลานอกเป็นเวลานาน ๖ พรรษา

ในเวลาต่อมาหลวงพ่ออี๋ ได้เดินทางไปศึกษาการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ที่สำนักของหลวงพ่อปาน หรือ พระครูนิโรธาจารย์ ที่วัดคลองด่าน หรือวัดบางเหี้ย จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีความเก่งฉกาจทั้งด้านวิชาอาคมและด้านการปฏิบัติกรรมฐาน หลวงพ่ออี๋ท่านตั้งใจศึกษาเล่าเรียนการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จนเกิดความเชี่ยวชาญและถึงเวลาอันควรที่ต้องกลับมายังวัดอ่างศิลาอีกครั้งหนึ่ง ในพรรษาที่ ๑๑ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๕๐-๒๔๕๑

โดยครั้งนั้นท่านได้มาเยี่ยมญาติด้วย และถือเป็นโอกาสที่ดี เพราะหลวงพ่ออี๋ โยมบิดา พร้อมชาวบ้าน ได้ร่วมมือกันสร้างวัดสัตหีบจนแล้วเสร็จ และได้เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดสัตหีบ

พ.ศ. ๒๔๖๗ หลวงพ่ออี๋ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลสัตหีบและเป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.๒๔๘๔ หลวงพ่ออี๋ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะแขวงกิ่งอำเภอสัตหีบ โดยได้รับสมณศักดิ์ขึ้นเป็นพระครูวรเวทมุนี ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ตำบลสัตหีบได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นกิ่งอำเภอ

และด้วยสาเหตุที่หลวงพ่ออี๋ ท่านได้ร่ำเรียนวิปัสสนากรรมฐานจนมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก ทำให้ญาติโยมต่างหลั่งไหลเข้ามากราบนมัสการและขอความเมตตาจากหลวงพ่ออี๋ ให้ท่านปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ซึ่งท่านก็เมตตาสงเคราะห์ญาติโยมอย่างเท่าเทียมกัน

สำหรับอุปนิสัยของหลวงพ่ออี๋นั้น ท่านเป็นผู้มักน้อย สันโดษ ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญใดๆ และยังเป็นพระสุปฏิปันโน ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีความอดทนเป็นเลิศ เห็นได้จากเมื่อหลวงพ่ออี๋ท่านเริ่มอาพาธ ก็ไม่ได้ปริปากบ่นต่อการเจ็บป่วยแต่อย่างใด เนื่องจากท่าน เข้าใจในสภาวะของทุกขเวทนา เห็นการเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดาของกายสังขารที่ต้องเกิดกับทุกคน ทำให้เกิดการปล่อยวางได้ไม่ยาก

มรณภาพ

เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๔๘9 หลวงพ่ออี๋ มีอาการอาพาธจากฝีที่คอ คราวนั้นเหมือนท่านรู้ตัวว่าจะต้องจบชีวิตลงแล้ว เพราะท่านรักษาเพียงแค่ใช้สมุนไพรพอกฝีเท่านั้น กระทั่งวันเข้าพรรษา อาการอาพาธเริ่มหนักขึ้น จนทำให้ท่านไม่สามารถทำวัตรสวดมนต์ได้ตามปกติ แม้จะมีสานุศิษย์ที่ปรารถนาอยากให้ท่านหายจากอาการป่วย จึงได้แนะนำให้ไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่หลวงพ่ออี๋ก็ได้ปฏิเสธ ท่านกล่าวแต่เพียงว่าเป็นกรรมเก่าในอดีตชาติของท่านเองที่เคยยิงกวางเข้าที่คอของมัน เหตุเกิด ณ บริเวณหนองไก่เตี้ย ฉะนั้นในภพชาตินี้ ท่านจึงต้องการชดใช้หนี้กรรมให้หมดสิ้น

เมื่อวันที่ ๒๐กันยายน พ.ศ.๒๔๘9 ตรงกับแรม ๑๐ ค่ำเดือน ๑๐ ปีจอเวลา ๒๑.๐๕ น. หลวงพ่ออี๋ยังอยู่ในอาการอาพาธ โดยให้พระลูกศิษย์พยุงตัวท่านขึ้นมาเพื่อนั่งสมาธิและห้ามไม่ให้ใครแตะต้องตัวท่านเด็ดขาด ระหว่างนั้นเอง ไม้กระดานบนกุฏิได้ล้มลงมาฟาดพื้น จนกระจกแตกกระจาย เป็นเวลาที่หลวงพ่ออี๋สิ้นลมหายใจพอดี สิริรวมอายุของท่านได้ ๘๒ ปี

วัตถุมงคล

สำหรับวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของหลวงพ่ออี๋ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ “ปลัดขิก” เพราะเกิดประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์มานักต่อนัก ด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ ป้องกันภัยอันตราย อีกทั้งการสร้างปลัดขิกของหลวงพ่ออี๋ เป็นการสร้างจากไม้มงคลต่างๆ ตามตำราครูบาอาจารย์ที่สืบทอดกันมา เช่น ไม้กัลปังหา สีดำ แดง ขาว ซึ่งต้องขึ้นอยู่ใต้ท้องทะเล เท่านั้น หรือจะเป็นแก่นจากไม้ต้นคูณ ไม้ต้นขนุน ไม้ต้นมะขาม เป็นต้น ในสมัยก่อนชาวบ้านมักจะแกะปลัดขิกจากไม้มงคล แล้วนำมาให้หลวงพ่ออี๋ท่านลงอักขระปลุกเสกอธิษฐานจิต ทำให้ปลัดขิกที่ปลุกเสกโดยหลวงพ่ออี๋มีอานุภาพมากและ มีอยู่หลายขนาด ปัจจุบันถือว่าหาได้ยากมาก เพราะความนิยมสูง ทำให้ราคาสูงไปด้วย

ยังมีวัตถุมงคลต่างๆของหลวงพ่ออี๋ที่ได้รับความนิยมได้แก่ เหรียญรุ่นแรก สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๓ เป็นเหรียญรูปเหมือนหลวงพ่ออี๋ ที่ทางคณะศิษย์ได้ขออนุญาตหลวงพ่อ เพื่อจัดสร้างให้เป็นที่ระลึกในงานหล่อพระประธานในพระอุโบสถ วัดสัตหีบ โดยสร้างขึ้นสองรูปแบบ คือ เหรียญรูปไข่ สำหรับแจกให้กับผู้ชายและเหรียญทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ สำหรับแจกให้กับผู้หญิง และเหรียญที่ได้รับความนิยมอีกหนึ่งรุ่นคือ รุ่นสร้างโรงเรียน ปี พ.ศ. ๒๔๘๓ หรือจะเป็นเสื้อยันต์ที่สร้างไว้แจกจ่ายแก่เหล่าทหาร ตลอดจนตะกรุด เหรียญพระปิดตา พรหมสี่หน้า โดยเฉพาะในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๘๓-๒๔๘๖ ซึ่งเป็นสมัยที่เกิดสงครามอินโดจีน ชื่อเสียงของหลวงพ่ออี๋โด่งดังมากเพราะวัตถุมงคลที่ท่านได้แจกจ่ายให้แก่ทหารเกิดประสบการณ์แคล้วคลาด คงกระพัน เป็นที่ประจักษ์ 


ติดต่อเรา บริการจากเรา สมาชิก

ฝ่ายบริการสมาชิก
บริษัท เวิลด์ อมูเลท 3ดี จำกัด
ที่ตั้ง เลขที่ 9 ชั้น 3-4 ซอย งามวงศ์วาน 23 ตำบลบางเขน อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 11000
ผ่ายเทคนิค 02-045-3505
099-824-1654
ฝ่ายขาย 089-789-3777
support@worldamulet3d.com
www.worldamulet3d.com
สมัคสมาชิก
ลืมรหัสผ่าน
วิธีชำระเงิน
แพ็คเก็จสมาชิก
สถิติเว็บพระ
เข้าดูแล้ว : 10096856 คน
ร้านค้าทั้งหมด : 10 ร้าน
สมาชิกทั้งหมด : 5600 คน
พระเครื่องทั้งหมด : 248 องค์
กระดานประมูล : 144 กระดาน