วัดอัมพวัน
วัดอัมพวัน สิงห์บุรี หลวงพ่อจรัญ พระนักเทศน์-วิปัสสนาจารย์ พระผู้สอนกฎแห่งกรรม ตลอดเส้นทางธรรมของท่าน ได้เผยแพร่ธรรมมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เกียรติประวัติของหลวงพ่อจรัญมีทุกๆด้าน ทั้งการสร้างขื่อเสียงวัดให้เลื่องลือไกลถึงทุกวันนี้
ประวัติและความเป็นมา
วัดอัมพวัน มีมาตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา จากข้อมูลในศิลาจากรึกในอุโบสถหลังเก่าได้จารึกไว้เป็นภาษาจีนว่า อุโบสดวัดอัมพวันได้สร้างในสมัยเหม็งเชี้ยว โดยคนจีน ขณะที่ใช้พาหนะเรือกำปั่นมากับฝรั่งชาติฮอลันดา เรือเทียบท่า ณ วัดอัมพวัน เพื่อทำการค้าขายกับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่เมืองลพบุรี ฝรั่งได้ขอพระราชทานจากพระหน้าปรกหินทั้งสององค์ให้คนจีนเอาไปไว้ในโบสถ์ จากสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ดังที่เห็นกันทุกวันนี้
การบูรณะปฏิสังขร
อุโบสถหลังเก่าได้ชำรุดและพังลง จึงได้มีการรื้อถอนและสร้างใหม่ รถยกของ ป.พัน ๑๐๑ และชาวบ้านมาช่วยกันรื้ออุโบสถ ใช้เวลาเพียงแค่ ๔ วัน เริ่มสร้างอุโบสถ วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๑ และวางศิลาฤกษ์ ๑๔ - ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๒ สร้างเสร็จเรียบร้อย วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ ระยะเวลาในการก่อสร้างทั้งหมด ๑ ปี ๔ เดือน ๑๕ วัน
วัดอัมพวัน ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ การสร้างอุโบสถมีการผูกพัทธสีมามีทั้งหมด ๒ ครั้ง ครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ ๓ จากการสำรวจข้อมูลประมาณกาลตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๑๗๕ และครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๓
ความสำคัญ
กรมการศาสนาได้ยกย่อง ให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง โดยเริ่มพัฒนามาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๐ ตามลำดับ มาถึง พ.ศ. ๒๕๑๓ สภาพโดยทั่วไปของวัด มีความสงบร่มรื่นด้วยต้นไม้จำนวนมากถึง ๓๐๐ ต้น โดยประมาณ มีทั้งไม้ดอกและไม้ใบ จากสภาพถนนที่มีน้ำท่วมขัง ก็ ได้รับการพัฒนา สร้างถนน สร้างคูกั้นน้ำ และปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้น
ลำดับเจ้าอาวาส
องค์ที่ ๑ พระครูพรหมนครบวรราชมุนี
องค์ที่ ๒ พระครูปาน
องค์ที่ ๓ พระอธิการเทศ
องค์ที่ ๔ พระอธิการเยื้อน
องค์ที่ ๕ พระใบฎีกาแย้ม
องค์ที่ ๖ พระอธิการเลี่ยม
องค์ที่ ๗ เจ้าอธิการสัว
องค์ที่ ๘ พระอธิการล้วน
องค์ที่ ๙ พระอธิการหล่ำ เหมโก
องค์ที่ ๑๐ พระราชสุทธิญาณมงคล
สถานที่ตั้ง
วัดอัมพวัน อ. พรหมบุรี จ. สิงห์บุรี ๑๖๑๖๐ โทร. ๐-๓๖๕๙-๙๓๘๑