![]() |
เข้าดูแล้ว : 10096157 คน |
ร้านค้าทั้งหมด : 10 ร้าน |
สมาชิกทั้งหมด : 5600 คน |
พระเครื่องทั้งหมด :
248 องค์ |
กระดานประมูล :
144 กระดาน |
ทางลัดไป ศึกษา / วัตถุมงคล |
|
ทางลัดไป กระดานประมูล |
|
ทางลัดไป ซื้อขายพระเครื่อง |
วัดพระปฐมเจดีย์
วัดพระปฐมเจดีย์ เป็นปูชนียสถานอันสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยภายในวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน และยังเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระโคตมพุทธเจ้าอีกด้วย
ประวัติองค์พระปฐมเจดีย์
องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นพระเจดีย์ใหญ่ รูป ระฆังคว่ำ ปากผายมหึมา โครงสร้างเป็นไม้ซุง รัดด้วยโซ่เส้นมหึมา ก่ออิฐถือปูน ประดับด้วยกระเบื้องปูทับ ประกอบด้วยวิหาร ๔ ทิศ กำแพงแก้ว ๒ ชั้น ถือเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุด เป็นอันดับ ๑ ของประเทศไทยอีกด้วย เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า เป็นที่เคารพสักการบูชาของบรรดาพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ทางวัดกำหนดให้มีงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ในวันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ถึง วันแรม ๕ ค่ำ เดือน ๑๒ รวม ๙ วัน ๙ คืน เป็น ประจำทุกปี
พระปฐมเจดีย์ เดิมเรียกว่าพระธมเจดีย์ มีฐานะเป็นมหาธาตุหลวง ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชวินิจฉัยว่า พระธมเจดีย์องค์นี้อาจเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเมื่อคราวที่พระสมณทูตในพระเจ้าอโศกมหาราชเดินทางมาเผยแผ่ศาสนายังสุวรรณภูมิก็เป็นได้ เพราะพระเจดีย์เดิมมีลักษณะทรงโอคว่ำหรือทรงมะนาวผ่าซีกแบบเดียวกับพระสถูปสาญจี แต่ปรากฏว่ามียอดเป็นแบบปรางค์ ซึ่งพระองค์ฯ มีพระราชวินิจฉัยว่าอาจมีเจ้านายพระองค์ใดมาบูรณะไว้ก็เป็นได้ ซึ่งตรงกับความในศิลาจารึกหลักที่ ๒ (ศิลาจารึกวัดศรีชุม) ของพระมหาเถรศรีศรัทธา อันได้กล่าวไว้ว่าพระมหาเถรศรีศรัทธาฯ ท่านทรงได้แวะมาบูรณะพระธมเจดีย์องค์นี้ ก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับเมืองราด เมื่อคราวที่ท่านเสด็จกลับจากศึกษาศาสนาพุทธในประเทศศรีลังกา ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานนามใหม่ว่าพระปฐมเจดีย์จนเป็นที่เรียกขานมาถึงทุกวันนี้
ในเรื่องนี้นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีบางท่าน ได้ระบุว่าพระปฐมเจดีย์ไม่ได้เป็นเจดีย์ที่เก่าที่สุดของสุวรรณภูมิ แต่เป็นพระมหาธาตุหลวงในยุคทวารวดีมากกว่า เนื่องด้วยเหตุผลประกอบหลายประการ โดยเฉพาะการค้นพบเจดีย์ที่มีอายุเก่าแก่กว่าพระธมเจดีย์ และหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่ระบุว่าพระเจดีย์องค์นี้เดิมขอมเรียกพระธม ซึ่งไม่ว่าจะเป็นชาวขอมจริงๆหรือชาวลวรัฐซึ่งสมัยนั้นเราก็เรียกว่าขอม โดยคำว่าธม สำหรับชาวขอมนั้นแปลว่าใหญ่ ตรงกับคำเมืองว่าหลวง ซึ่งเราก็เรียกพระนครธมว่าพระนครหลวงด้วยเหตุผลเดียวกัน
นอกจากนี้พระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังถูกบรรจุไว้ที่ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ตามที่มีพระบรมราชโองการสั่งไว้ในพระราชพินัยกรรม ต่อมาในพ.ศ.๒๕๒๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระสรีรางคารพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในรัชกาลที่ ๖ ไปบรรจุไว้เคียงข้างพระบรมราชสรีรางคารรัชกาลที่ ๖ ที่ใต้ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ ต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๕๕ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ไปบรรจุไว้เคียงข้างพระบรมราชสรีรางคารรัชกาลที่ ๖ และพระสรีรางคารพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ที่ใต้ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์
พระร่วงโรจนฤทธิ์
ในปี พ.ศ. ๒๔๕๑ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จประพาสหัวเมืองเหนือ ได้ทอดพระเนตรพระพุทธรูปโบราณเป็นอันมาก แต่มีพระพุทธรูปองค์หนึ่งที่ศรีสัชนาลัย (จังหวัดสุโขทัย) กอปรด้วยพระลักษณะงามเป็นที่ต้องพระราชหฤทัย แต่ชำรุดมากเหลืออยู่แต่พระเศียร พระหัตถ์และพระบาท จึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญลงมากรุงเทพฯ แล้วให้ช่างปั้นสถาปนาขึ้นมาบริบูรณ์เต็มพระองค์ และโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีเททองหล่อขึ้นเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร
พระร่วงโรจนฤทธิ์ เป็นที่เคารพบูชาของ พุทธศาสนิกชนชาวไทยทั่วไป ชื่อเต็มก็คือ พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ธรรโมภาส มหาวชิราวุธราชปูชนียบพิตร ตามประกาศกระแสพระบรมราชโองการ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ แต่ประชาชนทั่วไปจะเรียกว่าหลวงพ่อพระร่วง หรือพระร่วงโรจนฤทธิ์
พระร่วงโรจนฤทธิ์ มีขนาดความสูงวัดจากพระบาทถึงพระเกศ ๗.๔๒ เมตร หรือราว ๑๒ ศอก ๔ นิ้ว เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ศิลปะแบบสุโขทัย ประทับยืนอยู่บนฐานโลหะทองเหลืองลายบัวคว่ำบัวหงาย ทำวงพระพักตร์ตามยาว พระหนุเสี้ยมนิ้วพระหัตถ์ และพระบาทไม่เสมอกัน ห้อยพระหัตถ์ซ้ายลงข้างพระวรกาย แบฝ่าพระหัตถ์ขวายกตั้งขึ้น ยื่นออกไปข้างหน้าระดับพระอุระ เป็นกิริยาห้าม มีพระอุทรพลุ้ยออกมา ห่มจีวรบางคลุมแนบติดพระวรกาย บ่ายพระพักตร์สู่ทิศเหนือ ทำด้วยโลหะทองเหลือง หนัก ๑๐๐ หาบ
การอัญเชิญพระร่วงโรจนฤทธิ์ เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ จำเป็นต้องแยกชิ้นมาและมาประกอบเข้าด้วย กันที่จังหวัดนครปฐมแล้วเสร็จเป็นองค์สมบูรณ์ เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๘ หลังจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตแล้วตามความในพระราชพินัยกรรมของพระองค์ระบุว่าให้ บรรจุพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์ไว้ใต้ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ ที่องค์พระ ปฐมเจดีย์ วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๙ จึงได้ทำพิธีบรรจุ พระบรมราชสรีรังคาร ณ ใต้ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ ตามพระประสงค์ทุกประการ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ หลังจากการพระราชทานเพลิงพระศพพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าให้อัญเชิญพระสรีรางคาร มาประดิษฐานไว้เคียงข้างพระบรมราชสรีรางคารของพระสวามี และในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ หลังจากพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าให้อัญเชิญพระสรีรางคาร มาประดิษฐานไว้เคียงข้างพระบรมราชสรีรางคารของพระชนกนาถ และ พระสรีรางคารของพระชนนี ถึงในพระราชพินัยกรรมให้บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร ไว้ใต้ฐานของพระร่วงโรจนฤทธิ์ แต่ในเวลาจริงแล้วพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงให้ประดิษฐานไว้ที่ผนังด้านหลังพระร่วงโรจนฤทธิ์ และยังปรากฏโต๊ะหมู่บูชา เครื่องราชสักการะในห้องพระประสูติ
สถานที่ตั้ง
ตำบล พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม นครปฐม ๗๓๐๐๐
โทร ๐๓๔-๒๔๒-๑๔๓
ติดต่อเรา | บริการจากเรา | สมาชิก | ||||||||||||||||||||||||||
|
|
![]() |
สมัคสมาชิก | |||||||||||||||||||||||||
![]() |
ลืมรหัสผ่าน | |||||||||||||||||||||||||||
![]() |
วิธีชำระเงิน | |||||||||||||||||||||||||||
![]() |
แพ็คเก็จสมาชิก | |||||||||||||||||||||||||||
![]()
|