วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เป็นที่รู้จักกันในนาม "วัดระฆัง" มีชื่อเดิมว่า วัดบางหว้าใหญ่ เป็นวัดโบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อครั้งเสียกรุงให้แก่พม่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้เอกราชกลับคืนมาและเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ เมื่อครั้งเสียกรุง พม่าได้เผาทำลายวัด บ้านเมือง ให้เสียหาย แม้แต่พระไตรปิฏกก็เกือบจะสูนหายไปทั้งหมด จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สังคยานาพระไตรปิฏก และยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวง และได้แต่งตั้งสถานที่แห่งนี้เป็นพระนครหลวง มีนามว่า "กรุงธนบุรี"
ในสมัยรัชกาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกา ได้ปฏิสังขรวัด ทรงขุดพบระฆังที่มีเสียงมีเสียงไพเราะกังวาน จึงเป็นที่มาของ "วัดระฆัง" ที่เรียกขานกันในปัจจุบัน เดิมเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชในสมัยรัตนโกสินทร์ และเป็น พระตำหนักและพระที่นั่งของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑)
ด้านสถาปัตยกรรมและปูชนียวัตถุ
สถาปัตยกรรมที่สำคัญ อาทิ ตำหนักทอง ภายในประดับด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนัง อดีตเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีและสมเด็จพระสงฆราช (ศรี) สร้างขึ้นในรัชกาลที่ ๑ ทรงสร้างพระปรางค์ใหญ่ขึ้น ๑ องค์ ที่หน้าพระอุโบสถ (หลังเก่า) มีพระราชดำรัสสั่งให้รื้อตำหนักปิดทอง (เป็นที่มีมาของชื่อ "ตำหนักทอง") ขณะนั้นอยู่ในความอุปถัมภ์ของเจ้านายในวังหลัง
หอพระไตรปิฎก เป็นรูปเรือน ๓ หลังแฝด ฝาผนังด้านในเป็นภาพเขียน หอแต่ละด้านจะมีลักษณะแตกต่างกันไป หลังคามุงจาก มีรูปเทพพนมเรียงรายอยู่ตรงชายคา มีการเขียนรูปภาพต่างๆ บนลานประตูด้านในประกอบด้วยตู้พระไตรปิฏกขนาดใหญ่ ส่วนหอพระไตรปิฏกหลังเล็ก เป็นเรือนไม้ฝาปะกนปิดทอง สีเขียวสด อยู่ทางด้านหน้าตำหนักทองแดง คงความงดงามด้วยประตูหน้าต่างที่เขียนลายรดน้ำและแกะสลักอย่างงดงาม ตู้พระไตรปิฏก อยู่ในห้องด้านเหนือและห้องด้านใต้
พระประธานยิ้มรับฟ้า คือ พระปางสมาธิ รัชกาลที่ ๕ ทรงเรียกว่า "พระประธานยิ้มรับฟ้า" นอกจากจะงดงามแล้ว เป็นพระพูทธรูปที่มีหน้าตักกว้าง ๔ ศอกเศษ เป็นเนื้อทองสำริด มีระสาวก 3 องค์ นั่งประนมมือ เป็นสถาปัตยกรรมรัตนโกสินทร์ ที่ยึดถุือเป็นแบบฉบับในการหล่อสร้างพระปรางค์ในยุคต่อมา และเป็นที่ประดิษฐานของพระประธานซึ่งรัชกาลที่ ๕
พระอุโบสถ ผนังด้านหน้าเป็นภาพเขียนพระพุทธเจ้า ด้านในล้อมรอบด้วยภาพเขียนจิตกรรม ที่มีความอ่อนช้อยงดงามประกอบด้วยแสงและสี ที่ลงตัวเป็น แสดงให้เห็นถึงปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้า เขียนโดยนักจิตรกรเอก พระวรรณวาดวิจิตร (ทอง จารุวิจิตร) ในสมัยรัชกาลที่ ๖ เมื่อราว พ.ศ. ๒๔๖๕ ลักษณะของพระอุโบสถ หลังคาลด ๓ ชั้น มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ บริเวณมุขประดับด้วยปีกนกคลุม ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซุ้มประตูมีรูประฆังเป็นเครื่องหมาย ลายรถน้ำปิดทอง
สถานที่ตั้ง ณ ปัจจุบัน
เลขที่ ๒๕๐ ถนน อรุณอัมรินทร์ แขวงศิริราช เขต บางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐